tag:blogger.com,1999:blog-1815231671423961952024-03-12T17:55:13.467-07:00อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 500,000 คนขออนุโมทนาบุญ...กับ อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน แม่แบบแห่งความดีที่โลกรอคอย
ณ วัดปราการ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานีUnknownnoreply@blogger.comBlogger16125tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-68996350377180683492010-04-30T00:25:00.000-07:002010-06-05T08:39:39.425-07:00ความประทับใจที่ได้มาบวช อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 500000 คน<div style="text-align: center;"><b>อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รัตติกาล คชรินทร์</b></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div align="center"><br />
</div><b>ก่อนอบรม</b> เป็นคนที่ไม่ชอบเข้าวัด ชอบเที่ยวสนุกสนานไปวันๆ กับเพื่อนๆ ธรรมะไม่เคยได้ฟัง ไม่เคยรู้<br />
<br />
เกี่ยวกับคำสอนในพระพุทธศาสนามาก่อน นิสัย ก้าวร้าวกับ พ่อแม่ นอนตื่นสาย <br />
<span id="fullpost"><br />
<b>หลังจากที่ได้มาอบรมแล้ว</b> รู้สึกว่าตัวเองมีนิสัยดีขึ้น <br />
<br />
กับพ่อแม่ ก็ไม่ก้าวร้าว ใจเย็น มีความคิดมากขึ้น ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน <br />
<br />
ท่านบอกแนะนำอะไร ไม่เถียง เหมือนแต่ก่อน <br />
<br />
รู้สึกสบายใจ ที่เปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ พ่อแม่ดี ใจที่ลูก เปลี่ยน เป็นคนใหม่ บอกง่าย สอนง่ายกว่าเดิม<br />
<br />
<b>ผลการนั่งสมาธิ</b> <br />
<br />
ไม่เคย นั่งสมาธิ ไม่เคยฟังธรรมะ มาก่อน ใจร้อน <br />
<br />
แต่ตอน นี้ นั่งสมาธิ แล้วรู้สึกสบายใจ สงบ <br />
<br />
ได้สัมผัสกับผลการนั่งสมาธิ คือ เห็นแสงสว่างไปทั้งตัว รู้สึกถึง อาการตัวเบา คล้ายตัวเองจะลอยได้ <br />
<br />
ตอนแรกรู้สึกเมื่อยมาก ผ่านไป ประมาณ 2-3 วัน ก็หายเมื่อย สบายๆ <br />
<br />
ความตั้งใจ หลังจากที่ได้เข้ามารับการอบรม<br />
<br />
ตั้งใจว่าจะต้อง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ก่อนนอนทุกวัน เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ <br />
<br />
ไม่ก้าวร้าว กับพ่อแม่ ตั้งใจทำตามความปรารถนา ของพ่อแม่ ให้ได้ เช่น อยากให้เรียนจบ ปริญญาโท<br />
<br />
<b>อนาคต จะช่วยงานพระศาสนาเต็มที่</b><br />
<b> </b></span><b><br />
</b>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-17484232266081595052010-04-20T02:57:00.000-07:002010-06-05T08:43:02.573-07:00อุบาสิกาแก้วกับ การปัดกวาดวัด ให้เหมาะกับการนั่งสมาธิ<table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="float: left; margin-right: 1em; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81xCDTEaxI/AAAAAAAAAso/iqjXrvh_H-M/s1600/IMG_1551_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="133" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81xCDTEaxI/AAAAAAAAAso/iqjXrvh_H-M/s200/IMG_1551_resize.JPG" width="200" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">คลิ๊กที่ภาพ เพื่อดูภาพใหญ่</td></tr>
</tbody></table>ปัดกวาดวัด ทำความสะอาดวัด ให้วัดของอุบาสิกาแก้ว มีคนเข้าวัดเยอะ เพราะวัดสะอาดตา จึงสะอาดใจ<br />
<span id="fullpost">พระอาจารย์เล่าว่า " สมัยก่อนมีนกกระจาบตัวหนึ่ง คาบเอาใบไม้แค่ใบเดียวจากวัด ไปทิ้ง ตายแล้วยังไปเกิดในสวรรค์ ได้เลย" อานิสงส์มีมากจริงๆ <br />
<span id="fullpost"><br />
<br />
<br />
<br />
กวาดไปใจอยู่ที่ศูนย์กลางใจ ยายยังไหวอยู่น่ะจ๊ะ...หลานๆ <br />
<br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><span id="fullpost"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810xhjMHbI/AAAAAAAAAs8/PODXCP1Mrzs/s1600/IMG_1546_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="200" src="http://3.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810xhjMHbI/AAAAAAAAAs8/PODXCP1Mrzs/s200/IMG_1546_resize.JPG" width="133" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">คลิ๊กที่ภาพ เพื่อดูภาพใหญ่</td></tr>
</tbody></table><span id="fullpost"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810T-aG5mI/AAAAAAAAAs4/ATTkNxQ5aVs/s1600/IMG_1541_resize.JPG" imageanchor="1"><img border="0" height="200" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810T-aG5mI/AAAAAAAAAs4/ATTkNxQ5aVs/s200/IMG_1541_resize.JPG" width="133" /></a><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><span id="fullpost"><a href="http://3.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810xhjMHbI/AAAAAAAAAs8/PODXCP1Mrzs/s1600/IMG_1546_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"></a><a href="http://3.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S810xhjMHbI/AAAAAAAAAs8/PODXCP1Mrzs/s1600/IMG_1546_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"></a></span></div><span id="fullpost"><br />
</span><br />
<div style="text-align: left;"></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="float: left; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81ypQn3P6I/AAAAAAAAAs0/QS_34hP22P4/s1600/IMG_1563_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="133" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81ypQn3P6I/AAAAAAAAAs0/QS_34hP22P4/s200/IMG_1563_resize.JPG" width="200" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">คลิ๊กที่ภาพ เพื่อดูภาพใหญ่</td></tr>
</tbody></table><span id="fullpost">วัดปราการ ขาวสะอาด เพราะอุบาสิกาแก้ว<br />
เช่นนี้นี่เอง <br />
<br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><span id="fullpost"><span style="font-size: large;"><b class="bbc">อานิสงส์ของการกวาดลานวัด </b></span><span style="color: green;"><br />
</span></span></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><span id="fullpost"><span style="color: green;">พระนางโรหิณี </span></span></div><span id="fullpost"><br />
<code><span class="fullpost"></span></code><br />
<span class="fullpost"><span class="fullpost"></span></span>พระนางโรหิณีนั้นเป็นพระกนิษฐภคิรี ( น้องสาว ) ของพระอนุรุทธเถระ พระอนุรุทธะนั้น ท่านมีพี่น้อง ๓ คน คือ ๑ . พระมหานามะ ๒. พระอนุรุทธะ ๓ พระนางโรหิณี <br />
พระอนุรุทธะ บิดาของ พระนางโรหิณีนั้นเป็นพระกนิษฐภคิรี ( น้องสาว ) ของพระอนุรุทธเถระ พระอนุรุทธะนั้น ท่านมีพี่น้อง ๓ คน คือ ๑ . พระมหานามะ ๒. พระอนุรุทธะ ๓ พระนางโรหิณี <br />
<br />
พระอนุรุทธะ บิดาของท่านคือ พระเจ้าอมิโตทนะ ซึ่งเป็นพระกนิษฐภาดา ( น้องชาย ) ของพระเจ้าสุทโธทนะ เพราะฉะนั้น พระอนุรุทธะนั้นจึงเป็นลูกผู้พี่ผู้น้องของพระพุทธเจ้า <br />
<span id="fullpost"> วันหนึ่ง พระอนุรุทธะได้เดินทางไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ อันเป็นบ้านเดิมของท่าน เมื่อไปแล้ว พวกบรรดาพระญาติก็มาหาท่านเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดอยู่คนหนึ่งไม่ได้ไปพบ นั้นก็คือพระนางโรหิณี พระอรนุรุทธะจึงถามพวกพระญาติที่มาพบว่า น้องหญิงไปไหนเสียจึงไม่มา ก็ได้รับการบอกว่าอยู่ที่พระตำหนัก ท่านก็ถามว่า ทำไมจึงไม่มา ก็ได้รับคำตอบว่า พระนางเป็นโรคผิวหนังมีแผลพุพองคันไปทั่วทั้งตัวจึงไม่กล้ามา <br />
<br />
<span style="color: purple;"> พระอนุรุทธะก็ให้คนไปตามมาพบให้ได้ พอพระนางมาแล้วไหว้พระเถระ ๆ ก็ถามว่าทำไมไม่มา พระนางก็เรียนว่าตนเป็นโรคผิวหนังอันไม่งามจึงไม่มา ก็เพราะความละอาย </span><br />
<br />
พระอนุรุทธะเถระก็กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงสร้างศาลาขึ้น ๑ หลัง เป็นศาลาโรงฉันสำหรับภิกษุสงฆ์ <br />
<br />
พระนางโรหิณีก็เรียนถามว่า กระหม่อมฉันจะเอาเงินที่ไหนมาสร้าง <br />
<br />
พระเถระก็พูดว่า เครื่องประดับของเธอไม่มีบ้างหรือ <br />
<br />
พระนางก็เรียนว่า มีเครื่องประดับอยู่ <br />
<br />
พระเถระถามว่า ราคาประมาณเท่าไร <br />
<br />
พระนางเรียนว่า ประมาณหนึ่งหมื่นกหาปณะ <br />
<br />
พระเถระจึงบอกว่า เธอจงขายเครื่องประดับนี้เสียแล้วนำไปสร้างศาลาโรงฉัน <br />
</span><br />
</span><br />
<div class="rep_bar clear right" id="rep_post_110728"><span id="fullpost"><span id="fullpost"><span class="reputation zero rep_show" title="คะแนน"><br />
</span> </span></span></div><span id="fullpost"><span id="fullpost">พระนางก็ถามว่า แล้วใครจะช่วยสร้างให้ เพราะไม่มีคนสร้าง พระเถระก็มองดูพระญาติ ๆ ทั้งหลายซึ่งมานั่งอยู่เป็นจำนวนมากแล้วพูดขึ้นว่า ให้พระญาติทั้งหลายนั้นช่วยจัดการเรื่องนี้ ช่วยกันสร้างศาลานี้ บรรดาพระญาติทั้งหลายก็รับคำจัดการสร้างให้ <br />
<br />
<span style="color: green;">พอศาลาโรงฉันสร้างเสร็จ พระนางก็มีจิตผ่องแผ่วเกิดปีติโสมนัสยิ่ง เริ่มไปปัดกวาด ปูอาสนะ ตั้งน้ำใช้น้ำฉันไว้ แล้วพระนางก็เริ่มปฎิบัติถือศีลฟังธรรมตามกาล โรคเรื้อนหรือโรคผิวหนังที่พระนางเป็นอยู่ก็เริ่มแห้งราบลงไป ๆ</span> เมื่อถึงวันฉลองศาลาโรงฉัน พระนางก็ได้ให้คนไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์จำนวนมาก มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้มาเสวยที่โรงฉันหลังนั้น พระพุทธเจ้าทรงรับแล้วได้เสด็จมาเสวยพระกระยาหารในที่นั้น <br />
<br />
พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสถามว่านี้เป็นทานของใคร พระอนุรุทธเถระก็ทูลตอบว่า นี้เป็นทานของพระนางโรหิณี ผู้เป็นพระน้องนาง <br />
<br />
พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า พระนางโรหิณีไปอยู่ที่ไหนเสียเล่า <br />
<br />
พระอนุรุทธเถระทูลตอบว่า อยู่ที่พระตำหนักไม่กล้ามา เพราะละอายที่ตนเป็นโรคผิวหนังอันน่ารังเกลียด <br />
<br />
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสรับสั่งให้ไปตามพระนางมา เมื่อพระนางมาแล้วก็ทำการถวายบังคม แล้วก้มหน้านิ่ง <br />
<br />
พระพุทธองค์ได้ตรัสถามพระนางว่า ทำไมไม่มา <br />
<br />
พระนางก็ทูลตอบว่า ตนเป็นโรคผิวหนังอันพุพองเป็นที่น่ากลัวน่ารังเกลียด จึงได้มีความละอาย เลยไม่กล้าที่จะมาเข้าเฝ้า <br />
<br />
<span style="color: purple;">พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า เธอทราบไหมว่า ทำไมจึงเป็นโรคผิวหนัง <br />
<br />
พระนางทูลตอบว่า ไม่ทราบพระเจ้าข้า <br />
<br />
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ที่เป็นโรคผิวหนังพุพองนั้นก็เพราะความโกรธที่เธอทำไว้ในชาติก่อน </span>จึงทำให้เป็น<br />
<br />
โรคผิวหนังเป็นแผลพุพองอันน่าเกลียด และพระองค์ได้ยกอดีตนิทานของพระนางโหริณีในชาติก่อนมา<br />
<br />
ตรัสเล่าว่า <script type="text/javascript">
ipb.global.registerReputation( 'rep_post_110728', { app: 'forums', type: 'pid', typeid: '110728' }, parseInt('0') );
</script> <br />
<br />
<span style="color: green;">ในอดีตกาล ในกรุงพาราณสี พระนางนั้นได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงพาราณสี พระนางมีความผูกจิตริษยาอาฆาตแค้นในหญิงนักฟ้อนรำของพระราชาองค์นั้น ( อาจเป็นเพราะพระราชาโปรดปราณหญิงนักฟ้อนรำคนนั้นมากก็ได้ ทำให้พระนางริษยาแค้นเคืองหนักหนา ) </span><br />
<br />
พระนางทรงรับสั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนรำนั้นเข้ามาที่พระตำหนัก แล้วตรัสสั่งคนให้เอาผงเต่าร้างโปรยบนผ้าที่นอนของหญิงนักฟ้อนรำนั้น นอกจากจะโรยที่นอนแล้วก็ให้โปรยบนผ้าห่มด้วย เมื่อหญิงนักฟ้อนรำเข้ามาเฝ้า พระนางก็ทรงโปรยผงเต่าร้างลงไปที่ตัวของนางนักฟ้อนรำแล้วทำเป็นหัวเรอะเล่น<br />
<br />
หญิงนักฟ้อนรำนั้นเมื่อโดนผงเต่าร้างโรยมาที่ตัวก็ให้คันเหลือประมาณได้รับ ทุกขเวทนายิ่ง ตามตัวก็พุพองขึ้นเป็นเม็ดน้อยเม็ดใหญ่ เมื่อเม็ดพุพองขึ้นมาก็เกา เกาหาที่คันเม็ดตุ่มคันก็เเตกเป็นแผล เมื่อนางไปนอนบนที่นอนก็ถูกผงเต่าร้างกัดที่นอนนั้น นางได้รับทุกข์เวทนาอย่างแรงกล้า <br />
<br />
<span style="color: purple;">พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เพราะกรรมอันนี้เอง เธอจึงเป็นโรคเรื้อนเพราะความริษยา เพราะความโกรธนี้เองจึงเป็นเหตุให้เธอต้องรับทุกข์เวทนาเช่นนี้ ในที่สุด พระพุทธองค์จึงทรงตรัสแสดงธรรมกับพระนางขึ้นว่า </span><b class="bbc">“ บุคคลไม่พึงโกรธ พึงสละความถือตัวเสีย ควรล่วงสังโยชน์เสียให้สิ้น ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกแก่บุคคลเช่นนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ”</b><br />
<b class="bbc"> </b><span style="color: blue;">:เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม พระนางก็พิจารณาตามกระแสแห่งพระสัทธรรมนั้น และในที่สุดพระนางก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น เมื่อพระนางสำเร็จโสดาบันในครั้งนั้น พระนางก็มีผิวพรรณวรรณะดุจทองคำในขณะนั้นเอง นี่เป็นผลอานิสงส์จากการที่พระนางได้สร้างศาลาโรงฉันแล้วก็ได้ปฎิบัติธรรม ปัดกวาดศาลาโรงฉัน ตั้งน้ำใช้น้ำฉันเป็นต้น </span><br />
<br />
<b class="bbc">อานิสงส์ของการกวาดลานวัด </b><br />
<br />
<br />
<span style="color: purple;">คนโบราณเขาเชื่อถือกันมาว่า ผู้ที่มีโรคผิวหนังพุพองหรือโรคเรื้อน ถ้าได้มาเก็บขยะเก็บใบไม้ที่ล่วงหล่นปัดกวาดลาดวัดให้สวยงามสอาดตาแล้วนั้น เชื่อกันว่าจะทำให้ผิวพรรณวรรณะงดงามและทำให้โรคร้ายหายไปได้ </span>การกวาดวัดนี้มีอานิสงส์ถึง ๕ อย่างคือ <br />
<br />
<b class="bbc">๑. บุคคลเห็นเข้าก็เลื่อมใส <br />
๒. เทวดาเห็นเข้าก็เลื่อมใส <br />
๓. จิตของผู้กวาดตั้งสมาธิได้เร็ว <br />
๔. ผิวพรรณวรรณผ่องใส <br />
๕. เมื่อตายดับสังขารจากโลกนี้ไปแล้วก็ไปบังเกิดในภพภูมิสวรรค์ </b><br />
<br />
<span style="color: blue;">นี่คือผลอานิสงส์ของการเก็บปัดกวาดลานวัด </span><br />
<br />
ส่วนพระนางโรหิณีกวาดศาลาที่พระนางสร้างเองนั้น เมื่อพระนางสิ้นชีพแล้วก็ไปบังเกิดบนสวรรค์ดาวดึงส์ แต่สถานที่พระนางไปเกิดนั้นแปลกกว่าคนอื่น คือ ไม่ได้ไปเกิดในวิมานของใคร พระนางไปเกิดอยู่ในระหว่างพรหมเทพบุตรทั้ง ๔ จึงเกิดปัญหาขึ้น<br />
<br />
เทพบุตรทั้ง ๔ ต่างก็พูดว่า นางเทพธิดานี้เป็นสมบัติของตน ต้องการจะเอามาเป็นภรรยา เมื่อตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดก็นำเรื่องไปกราบทูลท้าวสักกเทวราชเพื่อให้ทรงตัดสิน ท้าวสักกเทวราชทรงเห็นพระนางแล้วก็เกิดความรักขึ้นจึงตรัสถามเทพบุตรทั้ง หลายว่า ท่านทั้งหลายเห็นนางแล้วรู้สึกอย่างไร <br />
<br />
เทพบุตรองค์หนึ่งได้กราบทูลว่า เมื่อเห็นนางแล้ว จิตของข้าพระองค์เต้นแรงเหมือนกับกลองศึก ไม่อาจจะสงบนิ่งอยู่ได้ <br />
<br />
เทพบุตรอีกองค์ที่สองก็กราบทูลว่า เมื่อเห็นนางแล้ว จิตของข้าพระองค์ถลนออกมาเหมือนตาปู <br />
<br />
เทพบุตรอีกองค์ที่สามกราบทูลว่า เมื่อข้าพระองค์เห็นนางแล้ว จิตของข้าพระองค์เป็นไปโดยรวดเร็ว เหมือนกับน้ำที่ตกจากภูขา <br />
<br />
เทพบุตรองค์ที่สี่กราบทูลว่า เมื่อข้าพระองค์เห็นนางแล้ว ใจเต้นเหมือนกับธงที่ปักไว้บนยอดเจดีย์ สะบัดอยู่ ไม่หยุดนิ่ง <br />
<br />
ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า ท่านทั้งสี่เห็นนางเทพธิดานี้แล้วยังพออยู่ได้ แต่ข้าพเจ้านี้ ถ้าหากไม่ได้นางเทพธิดาองค์นี้เป็นพระชายาแล้วจะต้องตาย <br />
<br />
เทพบุตรทั้งสี่นั้นก็กราบทูลว่า พวกข้าพระองค์ไม่ต้องการให้พระองค์ถึงสวรรคต ขอมอบนางเทพธิดาองค์ให้เป็นสิทธิ์ของพระองค์ <br />
<br />
ดังนั้น พระนางโรหิณีที่ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ได้เป็นที่โปรดปรานของท้าวสักกเทวราช</span></span><br />
</span><span id="fullpost"><span id="fullpost"></span></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-47463388202980977782010-04-20T00:56:00.000-07:002010-06-05T08:45:04.671-07:00อุบาสิกาแ้ก้ว กับ ดวงแก้วเป็นล้านๆๆๆๆ ดวง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81diQtX_lI/AAAAAAAAAsU/rukqfFI594U/s1600/IMG_1501_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81diQtX_lI/AAAAAAAAAsU/rukqfFI594U/s200/IMG_1501_resize.JPG" width="200" /></a></div><span style="font-size: large;">ตื่นตี 4</span><br />
<span style="font-size: large;">สวดมนต์ทำวัตร ปฎิบัติธรรม ใจสบายดี แล้ว</span><br />
<span style="font-size: large;">มาออกกำลังกาย เป่าลูกแ้ก้ว ทุกคนชอบมากๆ เลยค่ะ</span><br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">คลิ๊กที่ำภาพ เพื่อชมภาพใหญ่ </span><br />
<span id="fullpost"> </span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81jEI1wNcI/AAAAAAAAAsY/3_R5Sxx-zgs/s1600/IMG_1509_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81jEI1wNcI/AAAAAAAAAsY/3_R5Sxx-zgs/s200/IMG_1509_resize.JPG" width="200" /></a></div><span style="font-size: large;">อุบาสิกาแก้ว ยืนดูดวงแก้ว</span><br />
<span style="font-size: large;">อุบาสิกาแก้ว ...ไม่ต้องงงน่ะ เพราะคุณครูไม่ใหญ่บอกว่า " ดวงแก้วมี</span><br />
<span style="font-size: large;">อยู่ในตัวเราอยู่แล้ว " วางใจถูกส่วนก็เลย ใสอย่างนี้แหละจ้า...</span><br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">คลิ๊กที่ำภาพ เพื่อชมภาพใหญ่ </span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81keeIBSnI/AAAAAAAAAsc/f4zerTh5TFs/s1600/IMG_1524_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81keeIBSnI/AAAAAAAAAsc/f4zerTh5TFs/s200/IMG_1524_resize.JPG" width="200" /></a></div><span style="font-size: large;">อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน เป่าดวงแก้วกันใหญ่</span><br />
<span style="font-size: large;"> </span><br />
<span style="font-size: large;">วัดปราการเลยเต็มไปด้วยดวงแก้วแต่เช้า... </span><br />
<span style="font-size: large;">เป่าแล้ว จำไว้ในใจ เวลานั่งสมาธิ จะได้เห็นของจริงไวๆๆๆ</span><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">คลิ๊กที่ำภาพ เพื่อชมภาพใหญ่ </span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81mpZaV0rI/AAAAAAAAAsg/WPf4YGpT1gQ/s1600/IMG_1492_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S81mpZaV0rI/AAAAAAAAAsg/WPf4YGpT1gQ/s200/IMG_1492_resize.JPG" width="200" /></a></div><span style="font-size: large;"> อุบาสิกาแก้ว แข่งกันเป่าดวงแก้วใหญ่เลย</span><br />
<span style="font-size: large;">ไม่ต้องห่วงน่ะ คุณครูไม่ใหญ่บอกว่า " หยุดนิ่งมาก ดวงแก้วก็จะใส</span><br />
<span style="font-size: large;">มาก"</span><br />
<span style="font-size: x-small;"> </span><br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">คลิ๊กที่ำภาพ เพื่อชมภาพใหญ่ </span><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><b>ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นดวงปฐมมรรคเร็วๆ</b></span><br />
<br />
<span id="fullpost"><span style="font-size: large;"><b> </b></span></span><br />
<span id="fullpost"> <br />
<b>ปัญหาน่ารู้ในการเจริญภาวนา</b><br />
<br />
ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นดวงปฐมมรรคเร็วๆ<br />
<br />
ความเป็นผู้มีบุญบารมีมาก่อน ที่เรียกว่า ปุพฺเพ กตปุญฺญตา ซึ่งมีอยู่รวม ๑๐ ข้อ ด้วยกัน ได้แก่<br />
<br />
ทานบารมี ศีลบารมี เขกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และ อุเบกขาบารมี ที่ได้เคยสร้างสมมาตั้งแต่อดีตจนตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้ว่า จะมีมากน้อยเพียงใด บุญบารมีแต่ละประการที่กล่าวมานี้ เมื่อได้สั่งสมขึ้นภายในจิตมากๆ เข้า แก่กล้าหนักเข้าก็จะกลั่นตัวเองเป็น อุปบารมี เมื่ออุปบารมีแต่ละอย่างเหล่านั้น สั่งสมกัน แก่กล้ายิ่งขึ้นไปอีก ก็จะกลั่นตัวเองเป็น ปรมัตถบารมี คือบุญบารมีที่แก่กล้าที่สุด รวมทั้งบุญบารมี ทั้ง ๓ ระดับ เป็นบารมี ๓๐ ทัศ<br />
<br />
เมื่อปรมัตถบารมีทั้ง ๑๐ ประการนั้นเต็มส่วนหมดแล้ว จึงจะเป็นพลวปัจจัยที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุมรรค ผล นิพพาน ได้ในที่สุด<br />
<br />
แต่ในระหว่างที่ปรมัตบารมีทั้ง ๑๐ ประการนั้นยังไม่เต็มส่วน ก็ยังจะมีส่วนช่วยในการปฏิบัติธรรม ได้บรรลุผลตามสมควรแก่บุญบารมีของแต่ละบุคคลที่ได้สร้างสมอบรมไว้ เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจึงไม่ควรใจร้อนที่จะให้เห็นผลในทันใด ขอแต่ให้ตั้งใจฝึกปฏิบัติตามคำแนะนำที่คุณครู-อาจารย์ได้สั่งสอนอบรมต่อไป เรื่อยๆ แล้วก็หมั่นพิจารณาดูที่เหตุสังเกตุดูที่ผล ก็ย่อมจะประจักษ์ในผลของการปฏิบัติด้วยตัวของท่านเอง ตามระดับคุณธรรมที่ปฏิบัติได้ อย่าลืมว่า ต้องให้โอกาสแก่ตนเองตามสมควร ดังเช่นที่เราปลูกต้นไม้ จะต้องให้เวลาในการเจริญเติบโต และการปลูกต้นไม้ที่จะได้ผลดีก็จะต้องหมั่นดูแลทำนุบำรุงรักษา เมื่อถึงเวลาต้นไม้นั้นก็จะผลิตดอกออกผลให้เอง<br />
<br />
ดังพระพุทธองค์ได้ทรงประทานพระบรมพุทโธวาทไว้ในติกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ หน้า ๓๐๙ ข้อ ๕๓๒ ความว่า<br />
<br />
“ภิกษุทั้งหลาย กิจของคฤหบดีชาวนาที่เขาจะต้องรีบทำมี ๓ อย่างเหล่านี้ ๓ อย่างอะไรบ้างเล่า ? ๓ อย่างคือ คฤหบดีชาวนารีบๆ ไถคราด พื้นที่นาให้ดีเสียก่อน, ครั้นแล้ว ก็รีบๆ ปลูกพืช, ครั้นแล้ว ก็รีบๆ ไขน้ำเข้าบ้าง ไขน้ำออกบ้าง ภิกษุทั้งหลาย กิจของคฤหบดีชาวนาที่เขาจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้แล แต่ว่าคหบดีชาวนานั้นไม่มีฤทธิ์หรืออานุภาพที่จะบันดาลว่า “ข้าวของเราจงงอกในวันนี้ ตั้งท้องพรุ่งนี้ สุกมะรืนนี้” ดังนี้ ได้เลย ที่ถูกย่อมมีเวลาที่ข้าวนั้น เปลี่ยนแปรสภาพไปตามฤดูกาล ย่อมจะงอกบ้าง ตั้งท้องบ้าง สุกบ้าง<br />
<br />
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้น กิจของภิกษุที่เธอจะต้องรีบทำมี ๓ อย่างเหล่านี้ ๓ อย่างอะไรบ้างเล่า? ๓ อย่างคือ การสมาทานการปฏิบัติในศีลอันยิ่ง, การสมาทานการปฏิบัติในจิตอันยิ่ง, และการสมาทานการปฏิบัติในปัญญาอันยิ่ง ภิกษุทั้งหลาย ! กิจของภิกษุที่เธอจะต้องรีบทำมีสามอย่างเหล่านี้แล, แต่ว่า ภิกษุนั้น ก็ไม่มีฤทธิ์หรืออานุภาพที่จะบันดาลว่า “จิตของเราจงหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพราะไม่มีอุปาทาน ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้” ดังนี้ได้เลย, ที่ถูกย่อมมีเวลาที่เหมาะสม ซึ่งมีภิกษุนั้นปฏิบัติไปแม้ในศีลอันยิ่งปฏิบัติไปแม้ในจิตอันยิ่ง และปฏิบัติไปแม้ในปัญญาอันยิ่ง จิตก็จะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีอุปาทานได้เอง<br />
<br />
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า" ความ พอใจของเราจักต้องเข้มงวดพอในการสมาทานการปฏิบัติในศีลอันยิ่ง ในการสมาทานการปฏิบัติในจิตอันยิ่ง และในการสมาทานการปฏิบัติในปัญญาอันยิ่ง” ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล”<br />
<br />
นี่ก็เป็นบรมพุทโธวาทของพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<br />
อิทธิบาทธรรม คือด้วยใจรักในธรรม (ฉันทะ)<br />
ด้วยความเพียรไม่ย่อท้อ (วิริยะ) ด้วยใจจดจ่ออยู่ในธรรม ไม่ทอดทิ้งหรือวางธุระ (จิตตะ) และด้วยพินิจพิจารณาในเหตุ<br />
สังเกตในผล หมั่นดูแลแนวทางการปฏิบัติให้ดำเนินไปในทางที่ชอบ ที่เป็นคุณ หลีกเลี่ยงทางปฏิบัติที่ไม่ดี ไม่ชอบ ที่เป็นโทษ (วิมังสา)<br />
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พึงให้มีสติสัมปชัญญะพิจารณาเห็น<br />
อุปกิเลสของสมาธินิมิต<br />
<br />
หรือ นิวรณธรรมทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้นภายในจิต แล้ว<br />
พึงกำจัดเสียด้วย องค์แห่งฌาน<br />
(โปรดดูรายละเอียดในหนังสือทาง มรรค ผล นิพพาน) แล้วท่านจะได้รับผลดีไปเอง<br />
<br />
ขอเพียงอย่าได้ใจร้อน ทะยานอยากที่จะเห็นนิมิตจนจิตใจฟุ้งซ่านและท้อถอย จงหมั่นปฏิบัติไปก็แล้วกัน<br />
ได้เท่าไร เอาเท่านั้น<br />
<br />
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็ได้ให้คำรับรองไว้ว่า ถ้าได้ฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็เป็นอันได้เห็นดวงปฐมมรรคในชาตินี้ทุกคน.<br />
<br />
<br />
</span><br />
<div class="PostContent"><div class="article"><span id="fullpost"><span style="font-size: small;">ขออนุโมทนาบุญ บทความจาก... </span></span><br />
<span id="fullpost"><span style="font-size: small;">http://www.dhammakaya.org</span></span><br />
<span id="fullpost"><br />
</span><br />
<span id="fullpost"><span id="fullpost"> </span></span></div></div><span id="fullpost"></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-55200200904975040632010-04-18T06:27:00.000-07:002010-04-18T06:27:43.405-07:00อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ศูนย์วัดปราการ ฟังพระอาจารย์เทศนา อย่างตั้งใจ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sIpNKQe2I/AAAAAAAAAqo/Up2IUsaSLJ4/s1600/IMG_1452_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="426" src="http://4.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sIpNKQe2I/AAAAAAAAAqo/Up2IUsaSLJ4/s640/IMG_1452_resize.JPG" width="640" /></a></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-53465087509479815802010-04-18T06:13:00.000-07:002010-06-05T08:46:06.133-07:00อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ศูนย์วัดปราการ ฝึกการทำความสะอาดวิมานมาร่วมกันขัดวิมาน ยิ่งขัด ยิ่งใส ยิ่งล้วง ยิ่งลึก ยิ่งใส<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sEysuvQ7I/AAAAAAAAAqg/bCz6sDOHEFo/s1600/IMG_1332_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sEysuvQ7I/AAAAAAAAAqg/bCz6sDOHEFo/s400/IMG_1332_resize.JPG" width="400" /></a></div> ใสแล้วจ้า...<br />
<span id="fullpost"><br />
<b>มาดูผลงาน</b> ใสในใส<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sGt23vgiI/AAAAAAAAAqk/1ZXCliRrKJ0/s1600/IMG_1347_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="425" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8sGt23vgiI/AAAAAAAAAqk/1ZXCliRrKJ0/s640/IMG_1347_resize.JPG" width="640" /></a></div><br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span class="style11"><b>เกร็ดความรู้มาฝาก</b></span></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"><span class="style11"><b>การใช้ห้องน้ำ (ห้องสุขา)</b> </span></span><br />
<div style="text-align: left;"></div><br />
<span id="fullpost"> <span id="fullpost"> </span><br />
<br />
มีระเบียบวิธีการใช้อย่างเหมาะสม ดังนี้ <b> </b>๑. ตรวจดูว่าใครอยู่ในห้องหรือเปล่าก่อนเข้าใช้<br />
๒. ถอดรองเท้าก่อนเข้าห้อง เพื่อป้องกันเศษดินที่รองเท้าเปื้อนพื้นห้องน้ำ<br />
๓. ตรวจดูอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ เช่น ขันน้ำ ปริมาณน้ำที่จะใช้ชำระล้างมีบ้างไหม<br />
๔. ควรราดน้ำลงไปในโถส้วมก่อน การถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ เมื่อถ่ายอุจจาระ ไม่ควรเบ่งแรงเกิน<br />
ไป เพราะอาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้<br />
๕. เปิดน้ำใส่ถังและเทน้ำตามทันทีขณะขับถ่าย เพื่อกลบเสียงและขจัดกลิ่น<br />
๖. ใช้น้ำสะอาดในการชำระล้าง หลังการขับถ่าย พร้อมกับราดน้ำที่โถ และคอห่าน ให้สะอาดทุกครั้ง(หากพื้น<br />
ไม่สะอาด ควรราดน้ำล้างให้สะอาดด้วย)<br />
๗. เติมน้ำใส่ถังไว้ประมาณ ๓ ส่วน ๔ ของถัง แล้วคว่ำขันไว้ทุกครั้ง<br />
๘. ก่อนออกจากห้อง(สุขา) ควรสำรวจดูความเรียบร้อยของห้องและเครื่องแต่งกายอีกครั้ง ควรล้างมือ<br />
ให้สะอาดด้วยสบู่ทุกครั้ง ก่อนไปทำภารกิจอย่างอื่น<br />
<br />
<span style="font-size: large;"><b>น่าเสียดายถ้าไม่รู้ </b></span><br />
<br />
<img height="15" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/botton4.jpg" width="15" /> <span class="style5">ใช้น้ำให้ประหยัด (โถแบบตักราดจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยกว่าแบบซักโครกหลายเท่าเพราะโถแบบ<br />
ชักโครกนั้นใช้น้ำ ประมาณ ๙-๑๓.๕ ลิตร/ครั้ง)<br />
<img height="15" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/botton4.jpg" width="15" /> เมื่อรับประทานอาหารควรเคี้ยวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้กระเพาะย่อยได้ง่ายขับถ่ายได้ดี<br />
<img height="15" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/botton4.jpg" width="15" /> ควรรับประทานผักผลไม้เป็นประจำ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้สะดวกขึ้น<br />
<img height="15" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/botton4.jpg" width="15" /> ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา อย่ากลั้นอุจจระปัสสาวะไว้นานๆ อย่าปล่อยให้ท้องผูกเพราะ<br />
ร่างกายจะดูดซึมสารพิษจากกากอาหารเข้าสู่กระโลหิตเป็นเหตุให้เดโรคร้อนใน,ปวดหัวเรื้อรัง,<br />
โรคระบบโลหิตเป็นพิษ ฯลฯ </span></span></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-45145154762372376852010-04-18T05:52:00.000-07:002010-06-05T08:52:40.186-07:00อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ศูนย์วัดปราการ ฝึกมารยาทชาวพุทธ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8r_qhw-5aI/AAAAAAAAAqM/yIy303virkg/s1600/IMG_1290_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8r_qhw-5aI/AAAAAAAAAqM/yIy303virkg/s400/IMG_1290_resize.JPG" width="400" /></a></div><br />
<span class="style16"><b>มารยาทการกราบ และการไหว้</b></span><br />
<span id="fullpost"><span id="fullpost"><br />
</span></span><br />
<span id="fullpost"> </span><br />
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody>
<tr><td colspan="4" height="91" valign="middle"><span class="style5"><b>การประนมมือ (อัญชลี)</b><br />
<br />
นิยมใช้แสดงความเคารพพระรัตนตรัย ในเวลาฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ สวดพระอภิธรรม ฟังพระธรรมเทศนา เป็นต้น</span> </td> </tr>
<tr> <td class="style5" colspan="3" height="151" valign="middle"><b> วิธีการประนมมือ </b><b> </b><br />
ยกมือทั้งสองขึ้นประกบกัน ตั้ง เป็นกระพุ่มมือ<br />
ประนมไว้ระหว่างอก ให้ปลายมือตั้งขึ้น ข้างบนนิ้วมือ<br />
ทั้งสองข้าง ทุกนิ้วแนบชิดสนิทกัน อย่าให้เหลื่อมล้ำกัน<br />
อย่าให้กางห่างออกจากกัน ข้อศอกทั้งสองแนบชิดชายโครง (ดังรูป)</td> <td class="style5" height="151" valign="middle" width="317"><div align="center"><img height="170" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/page_66.jpg" width="208" /></div></td> </tr>
<tr> <td class="style5" colspan="4" height="114" valign="middle"> การประนมมือนี้เป็นกิริยาอาการที่แสดงความเคารพพระรัตนตรัย จึงนิยมทำด้วยความเรียบร้อย<br />
ตั้งใจไม่นิยมปล่อยให้นิ้วมืองอหงิก นิยมตั้งกระพุ่มไว้ระหว่างอกเอียงกับลำตัวประมาณ ๔๕ องศา ไม่ยก<br />
ให้สูงจรดคางหรือจรดปาก ไม่ปล่อยปลายมือให้ตกต่ำลงมาวางอยู่ที่ท้องหรือวางไว้ที่หน้าตักหรือหัวเข่า<br />
<br />
<b>การไหว้ </b>(นมัสการ)<br />
<br />
<b>การไหว้พระรัตนตรัย </b> <br />
นิยมแสดงความเคารพพระรัตนตรัยด้วยการไหว้เมื่อนั่งเก้าอี้หรือยืน อยู่ มีวิธีการทำดังนี้คือ<br />
<br />
๑. ประนมมือไว้ระหว่างอก<br />
๒. ยกมือประนมขึ้นพร้อมกับก้มศรีษะลงเล็กน้อย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ระหว่างคิ้ว ให้ปลายนิ้วชี้ จรดหน้าผาก ทำเพียงครั้งเดียว แล้วลดมือลงตามเดิม (ดังรูป)<br />
<div align="center"><br />
<br />
<br />
<img height="230" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/page_67.jpg" width="287" /><br />
<div style="text-align: left;"><span style="font-size: large;"><b><span class="style22">การไหว้บุคคล</span></b></span> </div><div style="text-align: left;"><br />
</div><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody>
<tr bordercolor="#66CC00"><td bordercolor="#99CCFF" class="style5" colspan="2" height="331" valign="top">การไหว้ซึ่งกันและกันนั้นนิยมปฏิบัติเพื่อความ<br />
เหมาะสมแก่ชั้นและวัยของบุคคลนั้น ๆ <br />
มี ๓ แบบ คือ<br />
<br />
๑. การไหว้บุคคลผู้มีอายุมากกว่า (เป็นผู้ใหญ่มากกว่า)<br />
๒. การไหว้บุคคลผู้มีอายุเสมอกัน <br />
๓. การไหว้บุคคลผู้มีอายุน้อยกว่า <br />
<br />
<b> ๑. การไหว้บุคคลที่มีอายุมากกว่า</b> <br />
สำหรับผู้น้อยปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ โดย <br />
ถือหลักมีชาติกำเนิดสูงกว่า มีคุณ <br />
ธรรมความดีได้รับยกย่องให้เป็นผู้ <br />
ปกครอง บังคับบัญชา และมีอายุ <br />
แก่กว่าตน </td> <td bordercolor="#99CCFF" class="style5" valign="middle" width="314"><div align="center"><img height="280" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/page_68.1.jpg" width="233" /></div></td> </tr>
<tr> <td height="3" width="373"><br />
</td> <td width="3"><br />
</td> <td><br />
</td> </tr>
<tr> <td class="style5" colspan="3" height="72" valign="middle"><ol> การไหว้นิยมยกกระพุ่มมือขึ้นไหว้ให้ปลายนิ้วชี้อยู่ระหว่างคิ้วนิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่บนดั้งจมูกพร้อม กับก้มศรีษะน้อมตัวลงพองาม สายตามองดูท่านด้วยความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตน</ol></td> </tr>
<tr> <td class="style5" colspan="2" height="150" valign="middle"><div align="center"><img height="150" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/page_68.jpg" width="146" /></div></td> <td class="style5" height="150" valign="middle"><b>๒. การไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสเสมอกัน</b><br />
นิยมยกมือกระพุ่มขึ้นไหว้ ให้ปลายนิ้ชี้อยู่<br />
ที่ดั้งจมูก นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ที่คางก้มศรีษะ<br />
เล็กน้อยสายตามองกันและกันด้วยความหวังด<br />
ีปราถนาดีต่อกัน </td> </tr>
<tr> <td class="style5" colspan="2" height="159" valign="top"><ol> <b>๓. การรับไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสน้อยกว่า</b><b> </b> สำหรับผู้ใหญ่รับไหว้ผู้น้อย นิยมยกกระพุ่ม มือขึ้นประนมอยู่ระหว่างอกหรือที่หน้าให้ปลาย นิ้วชี้อยู่ที่ตั้งจมูกปลายนิ้วอยู่ที่ดั้งจมูกปลายนิ้ว หัวแม่ มืออยู่ที่คางสายตามองดูผู้ไหว้ ด้วย ความปราถนาดี</ol><ol> </ol><ol> </ol><ol> </ol><ol> </ol><ol> </ol><ol> </ol></td> <td class="style5" height="159" valign="middle"><div align="center"><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<img height="180" src="http://www.kalyanamitra.org/culture/images_%20culture/page_69.jpg" width="195" /></div></td></tr>
</tbody></table></div></td></tr>
</tbody></table><span id="fullpost"></span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-73986262035711587782010-04-17T23:34:00.001-07:002010-04-17T23:39:03.773-07:00ทำไมต้องบวชอุบาสิกาแก้ว1.เพื่ออบรมปลูกฝังศีลธรรมและอุดมการณ์พระพุทธศาสนา ให้แก่สตรีชาวพุทธให้เป็นอุบาสิกาแก้วผู้เข้าใกล้พระรัตนตรัย<br />
2.เพื่อการฟื้นฟูศีลธรรม และวัฒนธรรมชาวพุทธให้กลับมารุ่งเรือง อีกครั้งดังเช่นพุทธกาล<br />
3.เพื่อการพัฒนาสังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาศีลธรรมของประชาชนUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-10735068159977599472010-04-17T23:24:00.000-07:002010-04-17T23:24:25.304-07:00อุบาสิกาแ้ก้ว หน่ออ่อน รับฟังการปฐมนิเทศน์ จากพระอาจารย์ศูนย์ฯ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qlajzdqDI/AAAAAAAAAqE/-UarEnAbqMs/s1600/IMG_1052_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qlajzdqDI/AAAAAAAAAqE/-UarEnAbqMs/s400/IMG_1052_resize.JPG" width="400" /></a></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-69314151485832407682010-04-17T23:17:00.000-07:002010-04-17T23:17:15.218-07:00บรรยากาศ ทางเข้าวัดปราการ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qjwKEOj6I/AAAAAAAAAqA/QdfhVgrYxxI/s1600/IMG_0697_resize.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="265" src="http://1.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qjwKEOj6I/AAAAAAAAAqA/QdfhVgrYxxI/s400/IMG_0697_resize.JPG" width="400" /></a></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-25806449262050647072010-04-17T23:10:00.000-07:002010-04-17T23:10:30.288-07:00ประวัติศาสตร์วัดปราการ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qhsBEki6I/AAAAAAAAAp8/opdrqlGnig4/s1600/241.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="http://2.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qhsBEki6I/AAAAAAAAAp8/opdrqlGnig4/s400/241.jpg" width="266" /> </a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">ภาพจาก http://www.thakhanon.com</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-24477566031770443662010-04-17T21:26:00.000-07:002010-04-17T21:26:23.222-07:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qJs0rMPcI/AAAAAAAAAp4/7hVTmh62pqs/s1600/IMG_0539_resize.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://4.bp.blogspot.com/_m-kJHjeXNTM/S8qJs0rMPcI/AAAAAAAAAp4/7hVTmh62pqs/s200/IMG_0539_resize.JPG" width="200" /></a></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-52611840503165854382010-04-17T20:14:00.000-07:002010-04-17T20:14:01.720-07:00ให้การสนับสนุนสถานที่<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://i248.photobucket.com/albums/gg169/gong00694/IMG_0940.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://i248.photobucket.com/albums/gg169/gong00694/IMG_0940.jpg" width="200" /></a></div>หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดปราการ ให้การสนับสนุนในการใช้สถานที่ พร้อมมาให้กำล้งใจ เจ้าหน้าที่รับสมัคร และต้อนรับอุบาสิกาแก้วที่กำลังเดินทางมาลงทะเบียนUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-42498515257486879252010-04-17T20:11:00.000-07:002010-04-17T20:12:43.991-07:00ชวนคนมาบวช<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://i248.photobucket.com/albums/gg169/gong00694/IMG_0896.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="133" src="http://i248.photobucket.com/albums/gg169/gong00694/IMG_0896.jpg" width="200" /></a></div>พระอาจารย์ กำลังชวนคนมาบวชอุบาสิกาแก้ว 5 แสนคน ที่วัดปราการ อำเำภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับความสนใจจาก ประชาชนจำนวนมาก <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-44919810359693614802010-04-17T18:42:00.000-07:002010-06-05T08:50:30.434-07:00ความสำคัญของอุบาสิกาแก้ว<span style="font-size: small;"></span><span style="font-family: Verdana; font-size: small;"> </span><span style="font-family: Verdana; font-size: small;">สตรี สามารถเป็นได้ทั้งแม่ของลูกและแม่ของโลก อีกทั้งได้ชื่อว่าเป็นผู้จรรโลงและปกป้องพระพุทธศาสนา ดังเช่นเหตุการณ์สำคัญในสมัยพุทธกาลหลายครั้ง</span><br />
<span id="fullpost"><span style="font-family: Verdana; font-size: small;"> </span><span style="font-family: Verdana; font-size: small;"><b> </b></span></span><br />
<br />
<span style="font-family: Verdana; font-size: small;"><b>สตรี</b>จึง เป็นบุคคลสำคัญ ควรค่าแก่การยกย่องให้เป็น หนึ่งในพุทธบริษัท 4 ที่จะช่วยสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนยาวนานต่อไป และสตรีผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัยนี้</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-15597780721771739522010-04-17T18:36:00.000-07:002010-04-17T18:37:37.463-07:00ความเป็นมาของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน<span style="color: #073763; font-family: Verdana; font-size: small;">อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ผู้งดงามด้วยอาภรณ์แห่งศีล สมาธิ และปัญญา เนื่องจากปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั้งภายในและต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสูง เทคโนโลยี และวิทยาการมีความเจริญเป็นอย่างมาก แต่สภาพจิตใจของผู้คนกลับถดถอยลง ซึ่งผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้สถาบันพระพุทธศาสนาได้รับผลกระทบเป็น อย่างมาก เช่น จำนวนพระภิกษุสงฆ์เริ่มลดลง วัดร้างเพิ่มมากขึ้น ฯลฯ แม้หลายฝ่ายจะหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถ หาวิธีการที่เหมาะสมได้ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ตระหนักในปัญหาดังกล่าว และมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสงบร่มเย็นในสังคม ด้วยการนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่ให้ผู้คนได้นำ ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งความสงบร่มเย็นในจิตใจของแต่ละบุคคลจะส่งผลให้เกิดความสงบร่มเย็นใน สังคมอย่างแท้จริง และยังเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวนานอีกด้วย<br />
<br />
</span><span style="color: #073763; font-family: Verdana; font-size: small;"> </span><span style="color: #073763; font-family: Verdana; font-size: small;">ขณะ นี้ แม้จะมีการส่งเสริมให้มีการบวชพระมากขึ้น เช่น โครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย จนเกิดการตื่นตัวขึ้นทุกวงการก็ตาม แต่บุคคลที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนสนับสนุนให้งานพระพุทธศาสนาก้าวหน้าอย่าง ทรงพลัง<br />
นั้น ก็คือ "สตรี" ผู้เป็นอุบาสิกาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพระรัตนตรัย<br />
<br />
</span><span style="color: #073763; font-family: Verdana; font-size: small;"> </span><span style="color: #073763; font-family: Verdana; font-size: small;">ดัง นั้น การบวชอุบาสิกาแก้ว จึงเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญและเป็นความหวังของการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้มั่นคง และจะร่วมจรรโลงพระพุทธธรรมให้ก้าวไกล เพราะพลังสตรีนั้น เป็นพลังอันบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ที่จะทำให้งานพระพุทธศาสนา ตลอดจนการสร้างสันติสุขในสังคมโลกเกิดขึ้นได้</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-181523167142396195.post-41376094944644046342010-04-17T18:28:00.000-07:002010-04-17T18:34:59.248-07:00อุบาสิกาแ้ก้ว หน่ออ่อน<div style="text-align: center;"><span style="color: #0066ff; font-family: Verdana; font-size: medium;">โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 500,000 คน</span><span style="color: #0066ff; font-size: medium;"><b></b></span></div><div></div><div style="text-align: center;"><span style="color: #0066ff; font-size: medium;"><b><span style="font-family: Verdana;">500,000 แม่แบบแห่งความดีที่โลกรอคอย</span></b></span></div><br />
<div style="color: blue; text-align: center;"><b><span style="font-family: Verdana; font-size: small;">บวช 14 วัน ตั้งมั่นปฏิบัติธรรม รักษาศีล ห่มครองสไบ</span></b></div><div style="color: blue; text-align: center;"></div><div style="color: blue; text-align: left;"><span style="font-family: Verdana; font-size: small;"> </span><span style="font-family: Verdana; font-size: small;">อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน คือ ผู้สมัครใจ เข้าใจ และมีความพร้อมที่จะมาเป็นต้นแบบ และต้นบุญให้กับคนอื่นๆ ได้ ภาพของอุบาสิกาแก้วนี้จะได้แพร่ภาพไปทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ความเข้าใจ และภาพพจน์ของผู้หญิงไทยดีขึ้น ทั่วโลกจะได้เห็นความตั้งใจในการปฏิบัติธรรม การฝึกฝนอบรมตุณธรรมแก่ตัวเอง และกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในการปฏิบัติธรรมไปทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นเหตุให้สังคม ประเทศชาติ สงบร่มเย็นและพระพุทธศาสนารุ่งเรืองมั่นคงถาวร อยู่คู่แผ่นดินไทยตราบนานเท่านาน <i>โอวาทพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)</i></span><br />
<br />
</div>Unknownnoreply@blogger.com0